เทคนิค SMAS Contouring มิติใหม่ของการยกกระชับใบหน้าเทคนิคเกาหลี จบปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย ไม่กระชับ ปรับใบหน้าดูอ่อนเยาว์

SMAS Contouring (สแมส คอนทัวร์ริ่ง) คือ นวัตกรรมการดึงหน้ารูปแบบใหม่ที่เกิดจากความร่วมมือเพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ (Know-how) ระหว่างศัลยแพทย์ผู้ชำนาญของ Luxury Cllinic และ Dr.Jung Min, Lee. M.D. Ph.D. (Korean academy of Aesthetic surgery) ศัลยแพทย์ชื่อดังจากประเทศเกาหลีใต้เพื่อสร้างเทคนิคการยก กระชับผิวหน้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าชาวไทย และชาวเอเชียที่มีผิวบอบบางมากเป็นพิเศษ

ด้วยการผ่าตัดเพื่อปรับโครงสร้างผิวในระดับผิวชั้นลึกที่มีชื่อเรียกว่าผิวชั้น SMAS (superficial musculoaponeurotic system) เริ่มตั้งแต่บริเวณขมับไปจนถึงบริเวณหลังหูเพื่อปรับแต่งกล้ามเนื้อและเปลี่ยนจุดเกาะเอ็นยึดใบหน้าใหม่ในขณะเดียวกันยังมีการจัดเรียงไขมันให้กลับมาอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมเพื่อให้ใบหน้าเรียบเนียนได้สมดุลอย่างที่ควรจะเป็น และใช้การเย็บซ่อนแผลแบบ Soule Dot ที่มีความละเอียดสูง ช่วยให้ผิวหน้าเต่งตึงและยกกระชับขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ใช้เวลาในการพักฟื้นน้อยลงกว่าเทคนิคดึงหน้าแบบทั่วไปและสามารถคงผลลัพธ์หลังการผ่าตัดดึงหน้าได้นานถึง 10 ปี

• เทคนิค SMAS Contouring เป็นการผ่าตัดดึงหน้าที่มุ่งเน้นการปรับแต่ง โครงสร้างกล้ามเนื้อที่ผิวชั้น SAMS ซึ่งเป็นผิวชั้นลึกและเป็นส่วนสำคัญ มากที่สุด ช่วยยกกระชับผิวหน้าให้กลับมาดูเต่งตึงได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างผลลัพธ์ความเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจนภายใน 2 สัปดาห์และ หลังผ่าตัดอยู่ได้นานมากถึง 10 ปี
• มีการผ่าตัดเปลี่ยนจุดเกาะเอ็นยึดใบหน้าใหม่และจัดเรียงไขมันในตำแหน่งที่ เหมาะสม ช่วยจัดการปัญหาผิวหย่อนคล้อย ใบหน้าไม่ได้รูปให้ดีขึ้นได้อย่าง แม่นยำทำให้หน้าดูเด็กลงอย่างเป็นธรรมชาติ

• ใช้เทคนิคการเย็บซ่อนแผลแบบ Seoul dot ฝีเข็มละเอียด ช่วยลดแรงตึงแผล (Tension) ไม่ทำให้ผิวหน้าเกิดรอยคลื่น ลดโอกาสการเกิดรอยแผลเป็นคีลอยด์
• การศัลยกรรมดึงหน้าด้วยเทคนิค SMAS Contouring ใช้เวลาในการผ่าตัดน้อยกว่าเทคนิคทั่วไปถึง 2 ชั่วโมง ส่งผลให้ใช้เวลาสำหรับการพักฟื้นน้อยลง รอยแผลยุบบวมและเข้าที่ได้ไว

• ควรเข้าพบแพทย์เพื่อประเมินสภาพผิวและวางแผนการรักษาได้อย่าง เหมาะสม ทั้งนี้ผู้เข้ารับบริการจะต้องให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยารวมถึงประวัติการทำหัตถการบนใบหน้าให้แพทย์ หรือพยาบาลทราบโดยละเอียด
• ในช่วง 6 เดือนก่อนการศัลยกรรมดึงหน้าควรหลีกเลี่ยงการฉีด Botox, Filler การใช้ยารักษาสิวในกลุ่มวิตามินเอเพราะอาจส่งผลให้รอยแผลสมาน ตัวได้ช้าลง
• หลีกเลี่ยงการทำหัตถการที่ต้องใช้ความร้อนลงสู่ผิวชั้นลึก การทำ laser เป็นเวลาอย่างน้อย 2 เดือนก่อนการผ่าตัด

• งดทานยา อาหารเสริมและวิตามินต่างๆ ที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น ยาแอสไพริน ยาในกลุ่ม NSAIDs วิตามินอี น้ำมันปลา สารสกัดสมุนไพร กระเทียม ขิง สารสกัดถั่วเช่า ฯลฯ เป็นเวลาอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์
• งดสูบบุหรี่ งดดื่มแอลกอฮอล์เป็นเวลาอย่างน้อย 4 สัปดาห์
• นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอและหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำเพื่อ ช่วยเสริมความแข็งแรงและฟื้นฟูรอยแผลได้ดีมากขึ้น
• ในกรณีที่มีการวางยาสลบในขั้นตอนการผ่าตัดดึงหน้าจะต้องงดอาหาร และเครื่องดื่มเป็นเวลาอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง ตามคำสั่งของแพทย์ เพื่อป้องกันอาการสำลักในระหว่างขั้นตอนของการรักษา

• หลังการผ่าตัดดึงหน้าอาจทำให้เกิดรอยบวมช้ำได้เป็นปกติและจะค่อยๆ ดีขึ้นจนกลับเข้าสู่สภาวะปกติภายใน 2 สัปดาห์ ทั้งนี้สามารถบรรเทาอาการ ให้ดีขึ้นได้ด้วยการทานยาแก้ปวดหรือประคบเย็นตามคำแนะนำของแพทย์
• ในช่วง 1 สัปดาห์แรกหลังการผ่าตัดดึงหน้าควรนอนยกศีรษะสูงมากกว่า ปกติเพื่อป้องกันไม่ให้เลือดคั่งบริเวณรอยแผลผ่าตัด
• ในช่วง 3 วันแรกควรระมัดระวังไม่ให้รอยแผลสัมผัสกับน้ำโดยตรงเพื่อ ป้องกันไม่ให้แผลเกิดการอักเสบ ติดเชื้อ ทำให้แผลหายช้า

• งดออกกำลังกายหรือกิจกรรมที่ต้องใช้แรงหนักๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ รอยแผลได้รับการกระทบกระเทือน
• ควรงดเว้นการแต่งหน้าในช่วง 1 สัปดาห์แรกหลังการผ่าตัดหรือจนกว่า จะครบกำหนดตัดไหม
• งดสูบบุหรี่ งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นเวลาอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ เพื่อลดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้หลังการรักษา
• ควรเข้าพบแพทย์ตามกำหนดนัดหมายเพื่อติดตามผลหลังการผ่าตัด ไม่ควรเลื่อนนัดหากไม่มีความจำเป็น