6 อาชีพเสี่ยงภาวะเส้นเลือดขอด

6 อาชีพเสี่ยงภาวะเส้นเลือดขอด

สำรวจ 6 อาชีพที่มีความเสี่ยงต่อภาวะเส้นเลือดขอด และแนวทางดูแลตนเองเพื่อลดความเสี่ยง หนึ่งในปัจจัยเสี่ยงหลักที่หลายคนมองข้ามคือ ลักษณะการทำงาน เพราะบางอาชีพมีรูปแบบการทำงานที่ต้องยืนหรือนั่งนาน ๆ ส่งผลให้การไหลเวียนเลือดที่ขาไม่ราบรื่น จึงเพิ่มโอกาสการเกิดเส้นเลือดขอดได้มากกว่าคนทั่วไป

6 อาชีพยอดฮิตเสี่ยงเป็นภาวะเส้นเลือดขอด

1. พนักงานขาย / พนักงานต้อนรับ

อาชีพที่ต้อง ยืนเป็นเวลานาน เช่น พนักงานขายในห้างสรรพสินค้า พนักงานต้อนรับโรงแรม หรือแอร์โฮสเตส ล้วนต้องใช้เวลายืนติดต่อกันหลายชั่วโมงต่อวัน การยืนทำให้แรงโน้มถ่วงดึงเลือดค้างที่บริเวณขา เมื่อเป็นเช่นนี้ทุกวัน เส้นเลือดดำจึงทำงานหนักและอ่อนแอลงจนกลายเป็นเส้นเลือดขอด

คำแนะนำ:

  • ควรเปลี่ยนท่าทางบ่อย ๆ เช่น เดินเล็กน้อยหรือเขย่งปลายเท้าเป็นระยะ
  • ใส่ถุงน่องแบบพยุงเส้นเลือด (Compression Stockings) เพื่อลดแรงกด

2. ครู / อาจารย์

ครูเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่มีความเสี่ยงสูง เพราะส่วนใหญ่ต้อง ยืนสอนหน้าชั้นเรียนหลายชั่วโมง โดยแทบไม่ได้มีเวลานั่งพัก การยืนในท่าเดิมเป็นเวลานานไม่เพียงส่งผลต่อหลอดเลือด แต่ยังทำให้กล้ามเนื้อขาตึงตัว และเมื่อระบบไหลเวียนเลือดไม่คล่อง อาการเส้นเลือดขอดก็มีโอกาสเกิดขึ้น

คำแนะนำ:

  • แบ่งเวลาให้ร่างกายได้พัก เช่น นั่งบ้างระหว่างการสอน
  • หากมีเวลาพักควรยกขาให้อยู่สูงกว่าระดับหัวใจสัก 10–15 นาที

3. พยาบาล

พยาบาลมักทำงานเป็นกะและต้องเดินหรือยืนดูแลผู้ป่วยเกือบทั้งวัน แม้การเดินจะดีกว่าการยืนนิ่ง แต่การทำงานที่ไม่หยุดพัก ประกอบกับการยกของหรือเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ยิ่งเพิ่มแรงกดดันที่ขา ทำให้เส้นเลือดดำทำงานหนักและเสี่ยงต่อการเกิดเส้นเลือดขอดมากขึ้น

คำแนะนำ:

  • หาโอกาสนั่งยืดเหยียดขาหรือหมุนข้อเท้าเป็นระยะ
  • สวมรองเท้าที่ช่วยรองรับแรงกระแทกและลดความเมื่อยล้า

4. พนักงานออฟฟิศ

ใครว่าเส้นเลือดขอดเกิดกับคนที่ยืนเยอะเท่านั้น? จริง ๆ แล้ว การนั่งนาน ๆ ก็เสี่ยงไม่แพ้กัน โดยเฉพาะพนักงานออฟฟิศที่ต้องนั่งหน้าคอมพิวเตอร์หลายชั่วโมงต่อวัน การนั่งท่าเดิมนานเกินไปทำให้เลือดคั่งในหลอดเลือดดำที่ขา การไม่ขยับตัวบ่อย ๆ จึงเป็นปัจจัยกระตุ้นเส้นเลือดขอดเช่นกัน

คำแนะนำ:

  • ลุกขึ้นเดินหรือยืดเส้นยืดสายทุก 1 ชั่วโมง
  • หลีกเลี่ยงการนั่งไขว่ห้าง เพราะจะทำให้หลอดเลือดถูกกดทับ

5. พนักงานขับรถ

อาชีพขับรถไม่ว่าจะเป็นแท็กซี่ รถบรรทุก หรือรถโดยสาร ล้วนต้อง นั่งหลังพวงมาลัยเป็นเวลานานหลายชั่วโมงติดต่อกัน บางครั้งยังอยู่ในสภาพแวดล้อมที่การเคลื่อนไหวจำกัด ทำให้กล้ามเนื้อขาไม่ได้ออกแรงปั๊มเลือดกลับสู่หัวใจ ส่งผลให้เกิดการคั่งของเลือดและพัฒนาเป็นเส้นเลือดขอดได้ง่าย

คำแนะนำ:

  • หากขับทางไกล ควรจอดพักและลงมาเดินยืดเส้นทุก 1–2 ชั่วโมง
  • ขณะนั่งขับ ควรขยับปลายเท้าและส้นเท้าขึ้นลงเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือด

6. พ่อครัว / แม่ครัว

งานครัวเป็นงานที่ต้องยืนปรุงอาหารและเคลื่อนไหวอยู่กับที่นาน ๆ บางครั้งยังต้องยกของหนัก เช่น หม้อหรือถุงวัตถุดิบ ซึ่งการยกของหนักเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้แรงดันในหลอดเลือดเพิ่มขึ้น เมื่อทำซ้ำ ๆ ทุกวันจึงมีโอกาสเกิดเส้นเลือดขอดได้มาก

อาการของเส้นเลือดขอด

อาการและสัญญาณที่ไม่ควรมองข้าม

เส้นเลือดขอดอาจเริ่มต้นด้วยอาการเล็กน้อย แต่หากละเลยอาจพัฒนาไปสู่ภาวะแทรกซ้อนได้ อาการที่ควรสังเกต ได้แก่:

  • เห็นเส้นเลือดนูนหรือเป็นปุ่มปมใต้ผิวหนัง
  • ปวด ตึง หนัก หรือเมื่อยขา โดยเฉพาะหลังยืนนาน
  • ขาบวม หรือมีอาการแสบร้อนบริเวณน่อง
  • ในระยะรุนแรงอาจเกิดแผลเรื้อรังหรือผิวหนังเปลี่ยนสี

วิธีลดความเสี่ยงเส้นเลือดขอด

วิธีลดความเสี่ยงเส้นเลือดขอด
  1. ขยับร่างกายบ่อย ๆ
  • หลีกเลี่ยงการยืนนิ่งหรือนั่งนานเกิน 1 ชั่วโมง
  • ลุกขึ้นเดิน ยืดเหยียด หรือหมุนข้อเท้า–ข้อเข่าเป็นระยะ
  1. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
  • เดินเร็ว ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน หรือโยคะ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด
  • ฝึกท่าเขย่งปลายเท้าเพื่อเสริมการทำงานของกล้ามเนื้อขา
  1. ควบคุมน้ำหนักตัว
  • ลดภาระที่ขาต้องรับน้ำหนัก ลดแรงดันในหลอดเลือดดำ
  1. เลือกใส่รองเท้าและถุงน่องที่เหมาะสม
  • หลีกเลี่ยงรองเท้าส้นสูงเกิน 5 ซม. หรือรองเท้าที่กดรัด
  • ใช้ถุงน่องพยุงเส้นเลือด (Compression Stockings) ถ้าต้องยืนหรือเดินนาน ๆ
  1. ปรับท่านั่งและท่ายืน
  • อย่านั่งไขว่ห้าง เพราะจะกดทับการไหลเวียนเลือด
  • เวลา ยืน ควรสลับน้ำหนักไปที่ขาทั้งสองข้าง ไม่ยืนท่าเดิมนานเกินไป
  1. ยกขาสูงเวลาอยู่บ้าน
  • นอนยกขาให้สูงกว่าระดับหัวใจวันละ 10–15 นาที ช่วยให้เลือดไหลกลับได้ดี
  1. ดูแลสุขภาพทั่วไป
  • ดื่มน้ำมากพอ
  • รับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูง ลดอาการท้องผูกซึ่งเพิ่มแรงกดดันในหลอดเลือด

วิธีรักษาเส้นเลือดขอด

  1. การดูแลตนเอง (รักษาเบื้องต้น)
  • ปรับพฤติกรรม ลดการยืนนิ่งหรือนั่งนาน ๆ ลุกขึ้นขยับร่างกายบ่อย ๆ
  • ใส่ถุงน่องพยุงเส้นเลือด (Compression Stockings) เพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนกลับหัวใจได้ดีขึ้น ลดอาการบวมและปวดเมื่อย
  • ออกกำลังกายเป็นประจำ เช่น เดินเร็ว ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยาน เพื่อกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อขา
  • ยกขาสูง วันละ 10–15 นาที เพื่อช่วยลดแรงดันในหลอดเลือดดำ
  • ควบคุมน้ำหนัก เพื่อลดภาระที่กดทับเส้นเลือด
  1. การรักษาทางการแพทย์ ที่ Luxury Clinic

หากอาการรุนแรงขึ้น เช่น ปวด บวม มีแผล หรือเส้นเลือดโป่งชัดจนรบกวนการใช้ชีวิต ควรพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

3 เทคนิครักษาเส้นเลือดขอด
  • การฉีดยาเทคนิค Liquid Flow Lock แพทย์ฉีดสารเข้าไปในหลอดเลือดที่ผิดปกติ ทำให้เส้นเลือดแฟบและค่อย ๆ จางหายไป
  • การฉีดด้วยเทคนิคโฟมเยอรมันโปร+  เป็นการรักษาที่แพทย์จะฉีดสารสเคลอโรแซนต์ (Sclerosant) ในรูปแบบโฟมเข้าไปในเส้นเลือดขอด เพื่อให้ผนังหลอดเลือดติดกันและค่อย ๆ ยุบลง กลายเป็นเส้นใยและถูกดูดซึมโดยร่างกาย
  • การผ่าตัดแบบไร้แผล  เทคโนโลยีการรักษาเส้นเลือดขอดที่ใช้ กาวชีวภาพชนิดพิเศษ (Medical Adhesive) ปิดหลอดเลือดที่ผิดปกติ โดยแพทย์จะใช้สายสวนขนาดเล็กนำกาวเข้าไปยังตำแหน่งที่เป็นเส้นเลือดขอด

สรุป เส้นเลือดขอดไม่ใช่แค่ปัญหาด้านความสวยงาม แต่ยังสะท้อนถึงภาระที่ระบบไหลเวียนเลือดต้องเผชิญ โดยเฉพาะใน 6 อาชีพเสี่ยง ได้แก่ พนักงานขาย/ต้อนรับ ครู พยาบาล พนักงานออฟฟิศ พนักงานขับรถ และพ่อครัว/แม่ครัว หากคุณอยู่ในกลุ่มอาชีพเหล่านี้ ควรหมั่นสังเกตอาการผิดปกติ เช่น เส้นเลือดนูน ปวดเมื่อยขา หรือมีอาการตึงหนัก และหาทางป้องกันตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะการปรับพฤติกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวัน สามารถช่วยลดความเสี่ยงและรักษาสุขภาพหลอดเลือดให้แข็งแรงได้ในระยะยาว